บทความเรื่องนี้จะเอาประสบการณ์การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งมาเล่าสู่กันฟัง ทรัพย์ชิ้นนี้อาคารห้องเช่าเล็กๆ ขนาด 15 ห้องซึ่งเป็นของญาติผมเองซึ่งมีปัญหาด้านการเงินและจึงขายให้

ที่ตั้งหัวข้อว่าเป็นทั้งทรัพย์และภาระ ก็เพราะว่ามันสร้างทั้งรายได้(ไม่เท่าไหร่) และรายจ่ายต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเก็บรายละเอียดมานั่งบวกลบคูณหารว่าคุ้มหรือไม่คุ้มที่ได้มา คิดเสียแต่ว่าเป็นรายได้แบบน้ำซึมบ่อทราย เป็นเสมือนก๊อกน้ำสำรองยามไม่มีรายได้หลัก

ขอเรียกมันง่ายๆ ว่าบ้านเช่าละกัน เจ้าของเดิมเป็นหนี้ธนาคารผ่อนต่อไม่ไหว ด้วยความเป็นญาติสนิทผมช่วยให้คำปรึกษาต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ช่วยไรมากนักเพราะเจ้าของไม่นำไปปฎิบัติตาม จนถึงกำหนดวันสุดท้ายของหนังสือฟ้องจากธนาคารที่จะทำการยึดทรัพย์ เจ้าของขอให้ผมไปเป็นเพื่อนเพื่อพูดคุยกับผู้การธนาคาร ระหว่างนั่งรถไปผมซ้อมเตรียมคำพูดให้ญาติผมซึ่งเป็นเจ้าของว่าควรจะพูดขอความเห็นใจอย่างไร เพื่อขอประนอมหนี้กับธนาคาร เชื่อหรือไม่ว่าเมื่อได้พบกับผู้การ สิ่งที่เตี๊ยมไปไม่เป็นผลเพราะตัวเจ้าของไม่พูดอะไรเลยเมื่อจอคำถามจากผู้การ หันหน้ามาที่ผมคนเดียว ผมเลยต้องเล่นเองตอบคำถามเองทั้งหมดจนผู้การถามผมมาคำนึงว่า “คุณเป็นอะไรกับเจ้าของหรือ? 55+) สุดท้ายการเจรจาจบลงเป็นดังที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ คือธนาคารยอมลดค่าผ่อนชำระให้จากเดิมประมาณเดือนละหมื่นห้าพันกว่าบาท เหลือเป็นเดือนละหกพันบาท แต่ยังไม่จบแค่นั้น ยังมีขั้นตอนต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลอีก ซึ่งผมก็เป็นคนพาเจ้าของไป (ในชีวิตไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่รู้ต้องทำอย่างไร เพื่อนหรือคนรู้จักที่เป็นทนายก็ไม่มี เลยต้องเสียตังค์ซื้อหนังสือกฎหมายมาอ่านหาความรู้เอา)

หลังจากผ่านการขึ้นศาลมาเรียบร้อย
อ่อ ลืมบอกไปว่าบ้านเช่านี้มี 15 ห้อง คือตึกสามชั้นและชั้นละ 5 ห้อง แต่ครอบครัวของเจ้าของอยู่อาศัยเองเสียหนึ่งชั้น ทำให้รายได้ที่เก็บได้จริงเพียง 10 ห้อง และเป็นห้องเช่าราคาถูกๆ เดือนละประมาณ 1500 บาท นั่นหมายความว่าเจ้าของเดิมมีรายได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่จริงๆ เขาก็มีรายได้จากการค้าขายอื่นๆ ด้วย แต่ก็ด้วยมีหนี้สินอื่นๆ ทำให้รายจ่ายมากกว่ารายรับ ซึ่งผมไม่ขอนำมาบรรยายละกัน

สิ่งที่ผมทำหลังจากการประนอมหนี้มาแล้วก็คือ ทำแผนให้เจ้าของนำไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มรายได้จากบ้านเช่าหลังนี้ ด้วยการที่เจ้าของเองควรย้ายออกไปหาที่ที่อื่นเช่าอยู่ ซึ่งเป็นที่ที่สามารถทำมาค้าขายได้ แล้วนำห้องอีก 5 ห้องกลับมาปล่อยให้เช่าให้ครบ 15 ห้อง เพื่อให้เขามีรายได้ต่อเดือนอย่างน้อยก็ประมาณสัก 2 หมื่นบาท แต่ก็หาเป็นไปตามแผนที่แนะนำไม่ ผ่านไปอีกไม่กี่เดือนเจ้าของก็ไม่สามารถผ่อนค่างวดธนาคารได้ดังเดิมจนมีจดหมายเตือน และเจ้าของก็ตัดสินใจที่จะขายให้ผมในราคา 2.2 ล้าน โดยกะว่าเงินที่ขายได้นำไปใช้หนี้ธนาคารแล้วก็ยังมีเหลืออีกเกือบๆ ล้านแล้วไปหาซื้อที่อยู่ใหม่ย่านชานเมือง

ผมไม่ได้อยากได้สมบัติชิ้นสุดท้ายของญาติ เงินผมก็ไม่มีสักบาท (ผมทำงานเป็นลูกจ้างโรงงานเงินเดือนไม่มาก) แต่ติดตรงที่หากผมไม่ซื้อแล้วเขาไปขายคนอื่น เขาก็จะถูกกดราคาต่ำกว่านี้มาก และอีกเหตุผลคือที่ดินแปลงนี้ติดกับที่ของแม่ผมเองและก็เป็นที่มรดกจากปู่ย่าตายายจึงไม่อยากให้หลุดไป

ประนอมหนี้ขึ้นศาลมาก็ยุ่งพออยู่แล้ว คราวนี้ยากกว่าเดิม เพราะต้องเข้าไปคุยกับธนาคารต่างๆ เพื่อขอกู้เงิน ธนาคารไหนๆ ที่ว่าคนรู้จักแนะนำผมไปมาหมด แต่ไม่ผ่านสักที่ 55+ อาจจะด้วยเครดิตรของตัวเองไม่ดีพอ แต่ที่สำคัญกว่านั้นเพราะตัวหลักทรัพย์มันอยู่ในซอยที่ถนนยังไม่มีภาระจำยอมธนาคารใหญ่ๆ เลยไม่สนใจ

สุดท้ายธนาคารที่ปรานีคือธนาคารกรุงไทย ผมเข้าไปคุยด้วยตัวเอง (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนมาหลายเหตุการณ์ละ55+) สุดท้ายธนาคารให้ทำแผนรายได้ของบ้านเช่านี้มาให้พิจารณา ผมทำแผนรายรับจ่ายปัจจุบันที่รายได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท และค่อยๆ ขยับไปถึง 3 หมื่นบาทในอนาคตเมื่อได้ปรับปรุงอาคารใหม่แล้ว (วิชาบัญชี หรือเขียนแผนธุรกิจที่เรียนผ่านมากว่าสิบปีแต่ไม่เคยใช้ก็ได้งัดออกมาใช้คราวนี้แหละ 55+) จากนั้นธนาคารก็ให้เงินกู้ออกมาประมาณ 1.5 ล้าน และดอกเบี้ย 9% (สินเชื่อเพื่อธุรกิจ) แต่อย่างที่บอกมาก่อนหน้าว่าตัวเองก็ไม่มีเงินเก็บสักบาท แล้วอีก 7 แสนเอาที่ไหนล่ะทีนี้ ก็บารมีแม่ซิครับ55+

หลังจากใด้บ้านเช่านี้มา อ่อ อายุของบ้านเช่านี้น่าจะเกือบๆ 20 ปีและเจ้าของไม่เคยปรับปรุงเลย ตึกโทรมมากๆ (ผมพยายามหารูปก่อนปรับปรุงมาลงให้ดู แต่ยังหาไม่เจอ) หลังจากโอนเสร็จ ผมใช้เงินอีกสามแสนในการรีโนเวทใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ซ่อมแซม ทาสี เดินท่อประปา และอื่นๆ คิดกลมๆ เสียว่าได้รายได้เฉลี่ยปีละ 3 แสน แต่ไม่เคยคิดว่ากำไร เพราะแต่ละปีผมจะตั้งงบสำหรับการปรับปรุงใหญ่ๆ อยู่เสมอ เช่นการทำรั้วเหล็ก ประตูคีย์การ์ด ติดกล้องวงจรปิด เปลี่ยนกระเบื้องทาสีห้องใหม่เมื่อมีผู้เช่าย้อยออก และอื่นๆ จิปาถะ ผมประมาณว่าห้าหมื่นถึงแสนต่อปี

คุณผู้อ่านบางคนอาจจะมีห้องคอนโดในเมืองให้เช่าแค่ห้องเดียวก็รับรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นแล้ว ไม่ต้องจุกจิกกับผู้เช่ามากราย ส่วนผมเนื่องจากเป็นห้องเช่าราคาถูกและเป็นตึกเก่าที่ถึงจะผ่านการปรับปรุงขนานใหญ่มาแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องให้ต้องตามปะผุอยู่เนืองๆ

และ ณ.ตอนนี้ผมก็ยังมีแผนจะปรับปรุงโน่นนี่นั่นอยู่เรื่อยๆ แต่ด้วยโควิด เลยต้องชะลอแผนไปก่อน รูปภาพต่างๆ ที่เอามาลงให้ดู เป็นงานปรับปรุง เล็กบ้างใหญ่บ้าง ปะปนกันไป สิ่งที่เอามาลงไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจะอวดความหรูหราหรือสวยงาม แต่ในความธรรมดาๆ ของสายตาคนอื่นๆ มันมีเรื่องราวบางแง่มุมที่อยากให้เหตุผลอธิบายว่าคิดหรือมีที่มาอย่างไร อาจดูดีหรือดูไม่เข้าท่าในสายตาของแต่ละคนก็ว่ากันไปนะครับ








